
พระเคราะห์ทั้ง ๘ ดวง นอกจากจะมีคู่ธาตุแล้วก็ยังมีคู่มิตร คู่ศัตรูและคู่สมพลอีกด้วย
“คู่มิตร”
อาทิตย์เป็นมิตรกับครู
จันทร์โฉมตรูพุธนงเยาว์
ศุกร์ปากหวานอังคารรับเอา
ราหูกับเสาร์เป็นมิตรต่อกัน
กล่าวคือ อาทิตย์+พฤหัส (ครู)… จันทร์+พุธ…. ศุกร์+อังคาร…. ราหู+เสาร์….
“คู่ศัตรู”
อาทิตย์ผิดใจกับอังคาร
พุธอันธพาลรังควานราหู
ศุกร์กับเสาร์เป็นเสี้ยนศัตรู
จันทร์กับครูเป็นอริต่อกัน
กล่าวคือ อาทิตย์+อังคาร…. พุธ+ราหู…. ศุกร์+เสาร์…. จันทร์+พฤหัส (ครู)….
ถ้าว่าพระเคราะห์ที่เป็นมิตรกันก็จะเกื้อหนุนกัน ถ้าเป็นศัตรูก็จะทำลายล้างกัน… ซึ่งในสำนวนไทยที่ได้ยินกันประจำก็เช่น พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ..นั่นคือ คู่ศัตรูมาเจอกัน ก็จะทำให้เจ้าของดวงชตามีปัญหาในชีวิต
“คู่สมพล”
คู่สมพลนี้ ผู้เขียนไม่เคยเจอบทกลอน แต่รู้กันทั่วไปว่า ถ้านำกำลังของดวงดาวทั้งสองมาบวกกันได้ ๒๗ ก็จัดเป็น คู่สมพล ซึ่งมี ๔ คู่ ดังต่อไปนี้
อาทิตย์ (๖) + ศุกร์ (๒๑) = คู่สมพล (๒๗)
จันทร์ (๑๕) + ราหู (๑๒) = คู่สมพล (๒๗)
อังคาร (๘) + พฤหัส (๑๙) = คู่สมพล (๒๗)
พุธ (๑๗) + เสาร์ (๑๐) = คู่สมพล (๒๗)
ถามว่าเลข ๒๗ นี้มาจากไหน ?
เมื่อโลกเป็นศูนย์กลางเอกภพแล้ว และแบ่งออกไปเป็น ๑๒ ส่วน ก็จะได้ ๑๒ ราศี ซึ่ง ๑๒ ราศีเหล่านี้จะมีพระเคราะห์แต่ละดวงเป็นเจ้าเรือนสถิตอยู่ ส่วนที่ไกลออกไปนั้น ก็ใช้โลกเป็นศูนย์กลางอีกครั้ง แล้วก็แบ่งเป็น ๒๗ ส่วน
๒๗ ส่วนเหล่านี้ จะมีกลุ่มดาวประจำอยู่แต่ละส่วน เมื่อผ่านส่วนใดก็เรียกว่า ฤกษ์ นั้นๆ เช่น กฤติกาฤกษ์ คือ กลุ่มดาวลูกไก่ ฯลฯ ซึ่งกลุ่มดาวเหล่านี้ ก็มีอิทธิพลต่อดวงชตาเช่นเดียวกัน
สรุปว่า เลข ๒๗ มาจากนี้ ซึ่งดาวพระเคราะห์คู่ใด ถ้าได้ คู่สมพล ก็หมายถึง ความสมบูรณ์ เพียบพร้อม เต็มเปี่ยม…